ฉีดโบท็อกที่ไหนดี เลือกคลินิกยังไงจึงจะปลอดภัย?
การฉีดโบท็อก ถือเป็นการทำหัตถการที่เห็นผลดี ราคาไม่สูง และมีความปลอดภัย จึงได้รับความนิยมจากคนเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ที่ไม่เคยผ่าตัดหรือเสริมแต่งอะไรกับใบหน้ามาก่อนเลย โบท็อกจึงเป็นสิ่งแรก ๆ ที่คนเลือกทำเพื่อปรับรูปหน้าเรียวและลดริ้วรอยร่องลึกตามจุดต่าง ๆ
การฉีดโบท็อก จึงเป็นสิ่งที่คุณหมอมักแนะนำแก่คนไข้เป็นอันดับต้น ๆ ถือเป็นหัตถการขั้นพื้นฐาน รวมทั้งฉีดเพื่อหน้าใส กระตุ้นคอลลาเจน (Collagen) เพื่อให้หน้าตึง
หากไม่ได้ศึกษามาล่วงหน้าว่า ฉีดโบท็อกที่ไหนดีคลินิกไหนได้มาตรฐาน อะไรบ้างที่เป็นข้อควรระวัง เราอาจจะพบกับปัญหาต่างๆดังนี้
- ไม่รู้ว่าเป็นโบท็อกปลอม
- ไปเจอเจอหมอกระเป๋า พยาบาล หรือแพทย์ที่ขาดประสบการณ์
- ไม่ได้ดูรีวิวที่แท้จริงของคลินิก
- ขาดการเตรียมการปฎิบัติตัวก่อนฉีดอย่างถูกต้อง ผลการฉีดอาจอยู่ได้สั้นลง
1. ไม่รู้ว่าเป็นโบท็อกปลอม
การตัดสินใจว่าจะ ฉีดโบท็อกที่ไหนดี ควรพิจาณาสิ่งต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- ควรรู้ถึงจุดสังเกตโบท็อกของแท้ยี่ห้อต่างๆ ซึ่งโบท็อกแท้ไม่ว่ายี่ห้อใดก็ตาม ต้องมีขั้นตอนการละลายโบท็อกก่อนนำมาฉีด โดยแพทย์ต้องใส่น้ำเกลือลงไปในขวดด้วยปริมาณที่เหมาะสม
- ในขั้นตอนก่อนทำการฉีดโบท็อก เราควรขอให้แพทย์แกะกล่องเปิดขวดใหม่ และผสมยาให้ดูต่อหน้าทุกครั้ง
- เราจะมั่นใจได้ว่าได้ยาครบ 100 ยูนิตจริง ๆ ไม่หายไปไหน ก็ต่อเมื่อแพทย์ผสมให้ดูแล้ว และทำการดูดยาออกมาจนหมดขวด
- หลังฉีดโบท็อกเสร็จ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นโบท็อกแท้จริง ๆ เราควรจะขอขวดและกล่องกลับบ้าน หรืออาจจะถ่ายรูปเก็บไว้ตรวจสอบในภายหลัง
- หากเราเองฉีดไม่ถึง 100 ยูนิต ควรจะชวนเพื่อนมาหารกันฉีดเพื่อให้ครบทั้ง 100 ยู เราจะได้เห็นขั้นตอนการเปิดขวดผสมยา
การฉีดโบท็อกปลอม มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิด การดื้อโบท็อก มีลักษณะคือ
ในการฉีดครั้งแรกๆ อาจได้ผลดี แต่ด้วยตัวยาที่ไม่บริสุทธิ์นั้นจะไปกระตุ้นให้เกิดภูมิต้านทานต่อต้านโบท็อกขึ้นมาได้เมื่อตัวยาเข้าสู่ร่างกาย และในการฉีดครั้งต่อไปถึงแม้เราจะใช้โบท็อกของแท้ที่บริสุทธิ์ ก็จะไม่ได้ผล
ซึ่งการดื้อโบท็อกนั้นถือเป็นภาวะที่ยังไม่มีทางรักษา ถ้าใครดื้อโบท็อกแล้วก็จะดื้อไปทุกยี่ห้อ ต้องรอจนกว่าภูมิต้านทานจะหายไปเอง อาจใช้เวลานานถึง 3-5 ปี ถึงจะสามารถกลับมาฉีดได้ใหม่ แต่บางรายดื้อโบท็อกนานถึง 10-20 ปีเลยก็เป็นไปได้เช่นกันค่ะ
บางรายที่โชคร้ายอาจดื้อโบท็อกนานถึง 10-20 ปี ซึ่งไม่สามารถใช้การฉีดโบท็อกเพื่อรักษาริ้วรอยได้ผล แต่ส่วนใหญ่แล้วการดื้อ (ซึ่งจะดื้อกับโบท็อกทุกยี่ห้อ) ต้องรอเวลาประมาณ 3-5 ปี เพื่อให้ภูมิต้านทานนั้นหายไปเอง แล้วจึงสามารถกลับมาฉีดใหม่ได้
สามารถอ่านข้อมูลเกี่ยวกับโบท็อก ได้ที่นี่ :
https://www.vsquareclinic.com/blogs/botox/
ในการตัดสินใจว่าจะ ฉีดโบท็อกที่ไหนดี สิ่งสำคัญอันดับแรกคือ การศึกษาหาข้อมูล ว่าโบท็อกของแท้ยี่ห้อต่าง ๆ มีจุดสังเกตอย่างไรบ้าง (โบท็อกแท้จะมาในรูปแบบผลึกสีขาว ๆ แห้ง ๆ เคลือบที่ก้นขวด ซึ่งจะเป็นในลักษณะนี้ทุกยี่ห้อ โดยในขวดจะไม่มีน้ำอยู่ คุณหมอต้องผสมน้ำเกลือด้วยปริมาณที่เหมาะสมใส่ลงไป ทั้งนี้เพื่อที่จะละลายโบท็อกออกมาฉีด) รวมทั้งก่อนฉีดทุกครั้ง เราควรแจ้งให้คุณหมอแกะกล่อง เปิดขวดโบท็อก และผสมตัวยาให้ดูต่อหน้าด้วย
เมื่อคุณหมอทำการผสมและดูดตัวยาโบท็อกให้ดูว่าหมดขวดแล้ว เราจึงจะมั่นใจว่าได้ปริมาณยาครบถ้วนทั้ง 100 ยูนิตอย่างแท้จริง และเพื่อทำการตรวจสอบในภายหลังเราควรจะขอขวดและกล่องโบท็อกกลับบ้าน หรืออาจขอถ่ายรูปเก็บไว้ เพื่อรับประกันความมั่นใจว่าเป็นโบท็อกแท้
หากตัวเราเองฉีดไม่ถึง 100 ยูนิต แต่ต้องการเปิดขวดใหม่เพื่อเห็นขั้นตอนการผสมยานั้น เราควรชวนเพื่อนมาหารกันให้ครบ 100 ยูนิต
การฉีดโบท็อกปลอม ไม่บริสุทธิ์ หรือฉีดโบท็อกเจือจาง จะทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น ต้องฉีดบ่อยขึ้น ผลของจากการฉีดอยู่ได้สั้นลง ซึ่งก็คือสาเหตุของการดื้อโบท็อก
จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องให้คุณหมอเปิดขวดยาผสมยาให้ดูต่อหน้า มิฉะนั้นเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าในขวดที่บรรจุน้ำใส ๆ อยู่นั้นคือโบท็อกแท้ใช่หรือไม่ จำนวนยูนิตในขวดมีครบหรือไม่ หรืออาจมีการนำโบท็อกปลอมจากจีนเติมลงไปในขวดโบท็อกแท้ที่ใช้หมดแล้วก็อาจเป็นได้
ขอบคุณข้อมูลเรื่อง วิธีดูโบท็อกแท้ก่อนฉีด จาก Youtube Channel : V Square Clinic
2. ไปเจอหมอกระเป๋า พยาบาล หรือแพทย์ที่ขาดประสบการณ์
ฉีดโบท็อกที่ไหนดี จึงจะเห็นผลและปลอดภัย ทุกวันนี้มีหมอกระเป๋า พยาบาล รับฉีดโบท็อกอยู่มากมาย ในราคาที่ถูกกว่าราคาปกติหลายเท่าตัว อีกทั้งยังมีโบท็อกหิ้วที่หาซื้อกันได้ง่าย ๆ ตามอินเตอร์เน็ตในราคาถูก ซึ่งเป็นที่มาของการฉีดโบท็อกแล้วหน้าแข็ง ปากเบี้ยว ตาตก ยิ้มไม่สุด คิ้วกระดก จนใคร ๆ ดูก็รู้ทันทีว่าไปฉีดโบท็อกที่หน้ามา
คนจำนวนมากที่มักเห็นแก่ของถูก ยอมใช้โบท็อกปลอม โบท็อกหิ้ว* อันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ หมอกระเป๋า หรือพยาบาล ส่งผลให้หลังจากฉีดโบท็อกแล้วใบหน้าที่ได้จะดูไม่เป็นธรรมชาติ
*โบท็อกแท้ของประเทศอื่นที่หิ้วเข้ามา ก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้เพราะโบท็อกที่บรรจุในขวดจำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 2-8 °C อยู่ตลอดเวลา เพราะหากเย็นหรือร้อนมากเกินไปก็อาจจะสลายได้ แต่การลักลอบนำเข้าอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์จะไม่สามารถเก็บรักษาโบท็อกแท้ให้อยู่ในอุณหภูมิ 2-8 °C ตลอดเวลาได้อย่างแน่นอน จึงส่งผลให้เมื่อนำตัวยาไปฉีดแล้วคนไข้อาจเกิดดื้อยาได้ง่ายขึ้น และผลการฉีดอยู่ได้สั้นลงด้วยค่ะ
*ส่วนโบท็อกปลอม คุณสมบัติการกระจายของตัวยาจะไม่คงที่ ทำให้ยากที่จะคาดคะเนการกระจายของตัวยาที่ฉีดได้อย่างแม่นยำ จึงมีโอกาสเกิดอาการอันไม่ปกติตามมาได้ง่าย เช่น ปากเบี้ยว ยิ้มไม่สุด คิ้วกระดก ตาตก หน้าแข็ง เป็นต้น
โบท็อกที่หมอกระเป๋าใช้นั้น มักจะเป็นยาปลอมและยาหิ้วที่หาซื้อได้ตามอินเตอร์เน็ต ถึงแม้ว่าในการฉีดครั้งแรกอาจจะได้ผล แต่จะเริ่มดื้อโบท็อกอย่างรวดเร็วในการฉีดครั้งต่อๆ ไป ทั้งนี้ เนื่องจากโบท็อกแท้ที่ official distributor เป็นผู้นำเข้าจะขายให้แก่โรงพยาบาลหรือแพทย์เท่านั้น
เราควรเลือกคุณหมอที่จะฉีดให้ด้วย คุณหมอ full-time ประจำที่คลินิกแห่งนั้น ย่อมต้องการรักษาชื่อเสียงของคลินิกให้ดีที่สุด อีกทั้งยังควรดูด้วยว่าคุณหมอท่านนั้นมีประสบการณ์การทำงานมาแล้วกี่ปี เพื่อความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ควรดูด้วยว่าผลการตอบรับและรีวิวจากคนไข้ว่าเป็นอย่างไร
แม้ว่าแพทย์ที่เข้ามาทำการตรวจรักษาแบบชั่วคราว (part-time) บางท่านอาจมีประสบการณ์สูง แต่เนื่องจากเราจะไม่สามารถดูรีวิวและผลการตอบรับของคุณหมอได้ จึงมีความเสี่ยงว่าเราอาจไปเจอกับแพทย์ที่มีประสบการณ์น้อย
3. ไม่ได้ดูรีวิวที่แท้จริงของคลินิก
ในการค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อตัดสินใจว่าจะ ฉีดโบท็อกที่ไหนดี สิ่งที่สำคัญคือ เราควรรู้ถึง feedback จากเคสที่เกิดขึ้นจริงและดูความรับผิดชอบจากทางคลินิก จากแหล่งรวมข้อมูลที่มีความเป็นกลาง ที่ทางคลินิกไม่สามารถลบออกได้เอง ซึ่งเราอาจจะไปเจอกับกรณีของคนที่เป็นเคสหลุดมาโพส เช่น รีวิวตามเว็บไซท์ pantip หรือ wongnai โดยต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน เพราะอาจเป็นการโพสต์เพื่อกลั่นแกล้ง จึงต้องดูในคำชี้แจ้งของทางคลินิกร่วมด้วย เพื่อประเมินคุณภาพของคลินิกได้อย่างแท้จริงค่ะ
4. ขาดการเตรียมการปฎิบัติตัวก่อนฉีดอย่างถูกต้อง ผลการฉีดอาจอยู่ได้สั้นลง
หากต้องการให้ผลจากการฉีดโบท็อกอยู่ได้นาน เพื่อลดโอกาสดื้อยา และลดความถี่ในการฉีดนั้น เราควรมีการเตรียมตัวก่อนฉีด ดังต่อไปนี้
- ควรหาข้อมูลเรื่องวิธีดู โบท็อกแท้ ตามข้อ 1
- ควรเลือกว่า ฉีดโบท็อกที่ไหนดี โดยศึกษาจากการดูรีวิวของคลินิก และเลือกคุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญ ตามข้อ 2 และข้อ 3
- ควรปรึกษาแพทย์ หากมีข้อห้ามหรือข้อสงสัยในการฉีดโบท็อก
- ผู้ที่มีอาการขาดธาตุสังกะสี (คือ ผมแตกปลายร่วงมาก, เล็บเปราะหักง่าย, ผิวแห้งลอก, มีแผลเรื้อรัง, ผิวหนังเป็นผื่นได้ง่าย) ควรเริ่มกินอาหารที่มีธาตุสังกะสี หรือกินอาหารเสริม หลังฉีดโบท็อก แต่ไม่ควรรับประทานเกิน 20 มิลลิกรัมต่อวัน ทั้งนี้เพื่อช่วยให้โบท็อกอยู่ได้นานยิ่งขึ้น และออกฤทธิ์ได้เร็วขึ้น
- การทำเลเซอร์ นวดหน้า ควรทำมาก่อนที่จะฉีดโบท็อก เพราะหลังฉีดจำเป็นต้องงดการทำหน้าหรือเลเซอร์ ไปอีก 2 สัปดาห์ จึงจะทำได้อีกครั้ง
- ควรงดกินยาในกลุ่มที่ลดการแข็งตัวของเลือด เช่น ยา NSAIDs และยาแอสไพริน รวมถึงงดการขัดหน้า สครับหน้า ในช่วงเวลา 2-3 วันก่อนฉีด เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดการเขียวช้ำ
จากข้อมูลทั้งหมดที่เรารวบรวมมาให้นี้ ผู้อ่านน่าจะได้รับคำตอบแล้วว่า ควรจะไปฉีดโบท็อกซ์ที่ไหนดี ? ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ได้ดั่งใจ แนะนำให้เลือกฉีดกับคลินิกที่ได้มาตรฐานและมีความน่าเชื่อถือจึงจะดีที่สุดค่ะ
หรืออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จากที่นี่ : ฉีดโบท็อกที่ไหนดี เลือกคลินิกอย่างไร ถ้าไม่อยากดื้อโบท็อกต้องอ่าน !
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.vsquareclinic.com/
https://www.jumjai.com/botox-where-is-the-best/
https://www.thaibeautysurgery.com/botox-where-is-good/