ฉีดฟิลเลอร์ปาก
การฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นการตกแต่งเสริมความงามที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในเมืองไทย เนื่องจากไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องผ่าตัด ในวันรุ่งขึ้นสามารถแต่งหน้าและออกไปทำงานได้เป็นปรกติ โดยการปรับแต่งรูปปากจะสัมพันธ์กับตอนที่เรายิ้ม ช่วยเสริมความมั่นใจขณะที่พูด ยิ้ม และพบปะผู้คน จึงช่วยทำให้รอยยิ้มของเราดูสวยมีเสน่ห์ยิ่งขึ้นได้
แต่เมื่ออายุมากขึ้นจะล่วงเลยพ้นจากวัยรุ่น เข้าสู่วัยผู้ใหญ่ หรือวัยสูงอายุ ริมฝีปากจะบางลงเรื่อย ๆ ไม่อิ่มเอิบ เกิดริ้วรอย ผิวหนังบริเวณรอบริมฝีปากจะแห้ง เกิดเป็นเส้นริ้วรอยโดยรอบ ทำให้ดูมีอายุ โดยการฉีดฟิลเลอร์ปากจะช่วยให้ดูอ่อนวัยลงได้ เพราะสามารถจะช่วยแก้ปัญหาปากแห้ง ปากเป็นร่อง ให้ริมฝีปากสวย ชุ่มชื้น อวบอิ่มยิ่งขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก รีวิว ฉีดฟิลเลอร์ปาก ทรงสวย อวบอิ่ม เป็นธรรมชาติ ที่ V Square Clinic จาก Youtube Channel: V Square Clinic
1. ฉีดฟิลเลอร์ปาก อันตรายไหม
การฉีดฟิลเลอร์ปาก ถือได้ว่าเป็นทางเลือกที่สะดวกและมีความปลอดภัยสูงกว่าการผ่าตัดตกแต่งริมฝีปาก
เนื่องจากการผ่าตัดตกแต่งแก้ไขรูปปาก ที่ต้องมีระยะเวลาการรักษาแผล ใช้เวลาพักฟื้นค่อนข้างนาน หากเกิดความผิดพลาดอาจจะแก้ไขยาก และยังมีความเสี่ยงอื่น ๆ อีก
ส่วนการฉีดฟิลเลอร์ปาก (filler) เป็นการฉีดสารเติมเต็มประเภท “HA” หรือ ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) เพื่อช่วยเติมเต็มให้ริมฝีปากกลับมาเต่งตึง ดูอวบอิ่ม ชุ่มชื้นขึ้น จึงดูอ่อนเยาว์ลงกว่าเดิม โดยจะไม่เป็นอันตราย ไม่มีสารตกค้าง เพราะสามารถสลายเองได้หมด 100%
2. ฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นก้อน เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง?
สาเหตุของการฉีดฟิลเลอร์ปาก แล้วเกิดเป็นก้อน มีได้หลายประการ อาทิเช่น
- แพทย์เลือกชนิดของฟิลเลอร์ไม่เหมาะกับการฉีดปาก เช่น บริเวณปากที่มีการขยับมาก แล้วเลือกใช้ฟิลเลอร์เนื้อแข็งก็จะทำให้ออกมาดูไม่เป็นธรรมชาติ
- การใช้ฟิลเลอร์ปลอมในการฉีด ซึ่งเป็นอันตรายมาก ดังนั้นจึงควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าทางคลินิกเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่เป็นของแท้เท่านั้น
- แพทย์ไม่มีความชำนาญ หรือขาดประสบการณ์ ทำให้ใช้เทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม
3. การเตรียมตัวก่อน ฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรทำอย่างไรบ้าง
- ค้นคว้าหาข้อมูล ก่อนตัดสินใจฉีด
ก่อนที่จะตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ปากทุกครั้ง คนไข้ควรศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ให้เข้าใจ เกี่ยวกับ ฉีดฟิลเลอร์ปาก ที่ไหนดี, ฉีดฟิลเลอร์ปาก อันตรายไหม, ข้อดี ข้อเสีย หรือผลข้างเคียงจากการฉีด filler ปาก, รีวิว ฉีดฟิลเลอร์ปาก (โดยควรดูรีวิวที่เป็นปัจจุบันจากเคสคนไข้ที่เคยทำจริง)
- พิจารณาเลือกยี่ห้อของฟิลเลอร์
เพราะการฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นตำแหน่งที่ผิวมีการขยับบ่อยมาก ดังนั้นฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ ควรมีความยืดหยุ่นสูงครับ หมอขอแนะนำให้ใช้ยี่ห้อ Juvederm เป็นหลักครับ
- การเตรียมตัวก่อน ฉีดฟิลเลอร์ปาก
- หากคนไข้มีโรคประจำตัว หรือมียาที่ต้องรับประทานเป็นประจำ ควรเตรียมข้อมูลไว้เพื่อแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนที่จะทำหัตถการ
- 1 สัปดาห์ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรงด ยาแอสไพริน ยา NSAIDs เช่น ibruprofen, diclofenac, ponstan
- 1 สัปดาห์ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรงดรับประทาน Vitamin E, วิตามิน St.Johns Wort, ginko biloba, primrose oil, garlic และ ginseng
การฉีดฟิลเลอร์ปาก เพื่อออกแบบรูปทรงให้เข้ากับใบหน้า สิ่งที่ควรพิจารณา ได้แก่
- พิจารณาดูว่าปากมีความสมมาตรหรือไม่ ซึ่งสามารถฉีดฟิลเลอร์เพื่อให้ปากมีความสมดุล สมส่วน ได้รูปมากขึ้น หากปากเบี้ยว ปากไม่เท่ากัน มุมปากตก
- โดยทั่วไป Golden ratio (สัดส่วนทองคำ) ที่ได้สัดส่วนสวยงามที่สุดของริมฝีปาก คือ ริมฝีปากบนจะต้องหนาประมาณ 1 ส่วน ริมฝีปากล่างจะเป็น 1.6-1.8 ส่วน ดังนั้นจึงต้องพิจารณาในเรื่องสัดส่วนระหว่างริมผีปากบนและล่าง
- การฉีดฟิลเลอร์ปากให้ออกมาแล้วเหมาะสมกับใบหน้ามากที่สุด ควรพิจารณารูปปากเทียบสัดส่วนกับส่วนอื่นๆ ของใบหน้า ซึ่งจะช่วยวิเคราะห์ได้ว่ารูปหน้าของคนไข้ เหมาะกับรูปทรงปากแบบไหน เพื่อปรับให้สัดส่วนทั้งหมดสมดุลกัน
4. ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ปาก
หมอจะฉีดยาชาก่อน หลังจากที่เลือกรูปทรงริมฝีปากที่เหมาะสมได้แล้ว โดยจำนวนเข็มและปริมาณของฟิลเลอร์ที่ใช้ จะขึ้นอยู่กับรูปทรงของปากที่ต้องการปรับแต่ง ซึ่งฟิลเลอร์ที่ฉีดจะเข้าไปเติมเต็มผิวบริเวณริมฝีปาก และช่วยลดริ้วรอยร่องลึกบนปาก ส่งผลให้ริมฝีปากไม่มีร่อง ดูอวบอิ่ม และดูสวยสุขภาพดี
ฉีดฟิลเลอร์ปาก
5. หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก วิธีการดูแลตัวเองมีอะไรบ้าง
- ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของหมออย่างเคร่งครัด เพื่อริมฝีปากที่สวยดูเป็นธรรมชาติ
- เพื่อป้องกันรูปปากที่ทำมาเสียรูป ไม่ควรจับ นวด บีบ บริเวณริมฝีปาก
- เนื่องจากการดื่มน้ำมากๆ หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก จะช่วยให้ฟิลเลอร์ฟู และอยู่ได้นานยิ่งขึ้น จึงควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อเพิ่มการอุ้มน้ำของฟิลเลอร์
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก / ข้อห้ามหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
- สิ่งสำคัญคือ ห้ามดึงหรือลอกหนังริมฝีปาก เพราะเป็นการทำลายผิวหนังบริเวณริมฝีปาก ส่งผลให้ผิวเก็บกักความชุ่มชื้นไว้ได้น้อยลง
- เพื่อป้องกันปากเสียรูปทรง ควรงดการออกกำลังหรือเล่นกีฬาหนัก ๆ
- ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้ผลการฉีดอยู่ได้นานขึ้น และเพิ่มการอุ้มน้ำของฟิลเลอร์ ช่วยให้ฟิลเลอร์ฟูขึ้น
- ควรงดดื่มเครื่องดื่มร้อน ๆ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้ปากเกิดอาการบวม อักเสบได้ง่าย
ฉีดฟิลเลอร์ปากบวมกี่วัน
- หลังฉีดฟิลเลอร์ปากจะมีอาการบวมหลังฉีด ถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งประมาณ 4-5 วันจะค่อย ๆ หายบวมไปเอง
- การฉีดฟิลเลอร์ปากจะเห็นผลที่ชัดเจนและเข้าที่ ภายในประมาณ 1-2 อาทิตย์
6. ฉีดฟิลเลอร์ปากอยู่ได้นานแค่ไหน
ยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ จะเป็นตัวบอกว่าฟิลเลอร์ปากจะอยู่ได้นานแค่ไหน
- Juvederm volift อยู่ได้นาน 12 เดือน จะดูเป็นธรรมชาติ และไม่เป็นก้อน
- Juvederm ultraplus xc อยู่ได้นาน 12 เดือน รุ่นนี้จะฟูเยอะ จึงเหมาะกับคนที่ต้องการปากอวบอิ่มแบบฝรั่ง แต่ในช่วง 2-3 เดือนแรก อาจจะคลำเจอเนื้อฟิลเลอร์นิ่ม ๆ ได้
- Restylane vital light อยู่ได้นาน 4-6 เดือน เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาริมฝีปากแห้งให้ชุ่มชื้นขึ้น แต่ไม่ได้ต้องการเติมปากให้อวบอิ่มมากนัก
- Restylane volyme คล้ายกับฟิลเลอร์ Juvederm volift หากแต่อยู่ได้นานกว่า คืออยู่ได้นานประมาณ 18 เดือน
ข้อปฏิบัติตัวหลัง ฉีดฟิลเลอร์ปาก เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น
7. รีวิว ฉีดฟิลเลอร์ปาก
- สิ่งสำคัญที่สุดคือ คนไข้ต้องศึกษาข้อมูลมาก่อนล่วงหน้า ถึงจุดสังเกตฟิลเลอร์แท้ยี่ห้อต่างๆ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเป็นฟิลเลอร์ของแท้ที่มีความปลอดภัย
- หมอต้องเลือกฟิลเลอร์รุ่นที่เหมาะสมกับความต้องการของคนไข้ และรูปทรงริมฝีปาก จึงจะฉีดฟิลเลอร์ปากให้ออกมาสวยเป็นธรรมชาติ
- หลังจากฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับรูปปากแล้ว จะเห็นได้ว่าภาพรวมคือใบหน้าดูอ่อนเยาว์กว่าเดิม โดยฟิลเลอร์จะช่วยทำให้ริมฝีบางดูอวบอิ่มขึ้น ร่องปากเต็มขึ้น ปากดูชุ่มชื้นสุขภาพดี
ก่อนหลัง ฉีดฟิลเลอร์ปาก รีวิว ฉีดฟิลเลอร์ปาก
ฉีดฟิลเลอร์ปาก รีวิว ฉีดฟิลเลอร์ปาก vsquareclinic
รีวิวฉีดฟิลเลอร์ปาก 1 CC ปากอวบอิ่มเป็นธรรมชาติ
8. ฉีดฟิลเลอร์ปากราคา แพงไหม?
สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ปาก ที่ V Square เราใช้ฟิลเลอร์แท้ สลายหมด 100% แกะกล่องแกะหลอดใหม่ เมื่อฉีดเสร็จแล้วจะให้กล่องและหลอดกลับบ้าน เพื่อให้คนไข้สามารถนำไปตรวจสอบได้ว่า filler ที่ใช้เป็นของแท้ 100%
ในปัจจุบันนี้ ฟิลเลอร์มีหลายเกรด หลายราคา โดยราคาจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นฟิลเลอร์ที่เลือก
ทั้งนี้ ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อก็จะมีเนื้อ filler และมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป แพทย์จะแนะนำตามความต้องการของคนไข้ และดูความเหมาะสมกับรูปปาก โดยยี่ห้อที่ได้รับความนิยมคือ Juvederm ของอเมริกา และ Restylane ของสวีเดน ราคา 1cc 13,000 บาท ครับ
9. ฉีดฟิลเลอร์ปาก ที่ไหนดี
- ดูเคสรีวิวผลการฉีดของแพทย์แต่ละท่าน แพทย์ต้องมีประสบการณ์และความชำนาญ เพื่อให้บวมช้ำน้อยที่สุดและผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติ
- มีข้อมูลรีวิวที่น่าเชื่อถือ จากผู้ที่เคยใช้บริการจริง ข้อมูลมีความเป็นปัจจุบัน โดยพิจารณาจากแหล่งที่มีความเป็นกลาง
- ค่าฉีดฟิลเลอร์ปาก มีราคาที่เหมาะสม ไม่ตั้งราคาไว้สูงหรือต่ำต่างไปจากคลินิกอื่นๆ มากนัก แต่อาจจะมีราคาแตกต่างกันได้ เนื่องจากความเชี่ยวชาญของแพทย์
- พิจารณาโดยดูจากรีวิวที่เป็นคลิป VDO เปรียบเทียบก่อน-หลังทำ เพื่อเห็นถึงผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน
ข้อสำคัญที่สุดสำหรับผู้ที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจเลือกว่าจะ ฉีดฟิลเลอร์ปาก ที่ไหนดี ? ควรพิจารณาเลือกโดยดูคลินิกที่มีมาตรฐาน และมีความน่าเชื่อถือเป็นหลักครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.vsquareclinic.com/