ฉีดโบท็อกซ์ ช่วยอะไรได้บ้าง อันตรายไหม อยากฉีดต้องรู้อะไรบ้าง ?

botox

ฉีดโบท็อกซ์

การฉีดโบท็อกซ์ได้รับความนิยมอย่างมากทั่วโลก เพราะถือเป็นนวัตกรรมความสวยความงามที่แพร่หลายและเป็นที่สนใจของหนุ่มๆสาวๆ ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจทั้งใบหน้าและร่างกาย

                โบท็อกซ์ (Botox) เป็นชื่อทางการค้าของสารโบทูลินั่มท็อกซินเอ (Botulinum toxin A) ซึ่งเป็นโปรตีน ชนิดหนึ่งที่สร้างจากแบคทีเรียชื่อ ครอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) โบท็อกซ์มีการใช้มานานมาก

เริ่มต้นโดยการนำมารักษากล้ามเนื้อคอกระตุก กล้ามเนื้อตากระตุก รวมถึงอาการปวดไมเกรน  ตาเหล่ ก็รักษาด้วยโบท็อกซ์นี้ ต่อมาปี 2002 FDA ของอเมริการับรองการใช้โบท็อกซ์ เพื่อการลดริ้วรอยหน้าผาก และรอยตีนกา จึงเป็นจุดเริ่มต้นการนำโบท็อกซ์มาใช้ในเรื่องของผิวพรรณและความสวยงาม

              โบท็อกซ์ คือ สารจากธรรมชาติที่เป็นโปรตีนบริสุทธิ์สกัดจากแบคทีเรียที่มีประโยชน์ชนิดหนึ่ง ซึ่งจะช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณที่หดตัว โดยหลังการฉีดโบท็อกซ์แล้วตัวยาจะจับตัวกับปลายเส้นประสาทที่เชื่อมต่อกับกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นคลายตัว ส่งผลให้ริ้วรอยลดเลือน เมื่อกล้ามเนื้อไม่เกร็งตัวแล้ว โบท็อกซ์ยังจะช่วยส่งผลปรับลดขนาดกล้ามเนื้อ ช่วยให้คุณแลดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น เพียง 10 นาที หลังจากทำการรักษา กล้ามเนื้อของคุณจะรู้สึกผ่อนคลาย ร่องลึกจะเริ่มคลายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปและเมื่อเวลาผ่านไปกล้ามเนื้อจะเล็กลง ทำให้ผิวบริเวณนี้เรียบตึง 

ฉีดโบท็อกซ์อันตรายไหม

นี่คงเป็นอีกคำถามที่หลายคนยังกังขา และพยายามที่จะค้นหาคำตอบว่า ฉีดโบท็อกซ์ นั้นปลอดภัยมากแค่ไหน  ต้องบอกเลยว่า ยังไม่มีการรายงานถึงอันตรายเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์เลย ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ แต่ถ้าจะให้ดี ต้องใช้ตัวยาที่มีคุณภาพ ฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะว่า ถ้าหากเลือกไม่ดี อาจมีผลข้างเคียงได้ นั่นคือ หลับตาไม่สนิท ตาผิดรูป ปากเบี้ยว เป็นต้น  แต่ถ้าตัวยาที่ใช้มีคุณภาพ และดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก็ไม่ต้องกังวลอะไรเลย

ฉีดโบท็อกซ์ช่วยในเรื่องอะไรบ้าง

ริ้วรอยต่างๆ จะค่อยๆเนียนเรียบขึ้นจากเดิม และจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยใหม่ การฉีดโบท็อก ที่ถูกวิธีนั้น นอกจากจะไม่ทำให้หน้าคุณดูแข็งเกร็งแล้ว คุณยังสามารถแสดงอารมณ์ทางสีหน้าได้อย่างเป็นปกติ เพราะโบท๊อกซ์จะทำงานเฉพาะในส่วนของกล้ามเนื้อที่แพทย์ได้เลือกฉีด เช่น หาก ฉีดโบท็อก ในบริเวณกล้ามเนื้อที่หน้าผากส่วนกลางแล้ว จะไม่กระทบกับการทำงานของกล้ามเนื้อหน้าผากด้านข้าง

ผลคือคุณจะสามารถการยกคิ้วได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้การแสดงอารมณ์ทางสีหน้าเป็นไปได้อย่างเป็นปกติ นอกจากจะช่วยให้ผิวเรียบตึงขึ้นแล้วโบท็อกซ์ยังสามารถช่วยลดการทำงานในส่วนของกล้ามเนื้อที่เราไม่ต้องการ ซึ่งจะช่วยปรับรูปหน้าของคุณให้เรียวขึ้นได้อีกด้วย

1.สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยได้

2.ทำให้รูปหน้าเรียวเล็กลง

3.เห็นผลเร็ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของการฉีดด้วย ซึ่งมีทั้งเห็นผลแทบจะทันที ถึงเป็นเดือนกว่าจะเห็นผล ก็มีเช่นกัน

4.มีใบรับรอง จากองค์การอาหารและยา ทำให้สบายใจได้ ว่ามีความปลอดภัย

5.ไม่ต้องเตรียมตัวเป็นพิเศษ ก่อนเข้ารับการฉีด

6.เมื่อฉีดเสร็จ สามารถทำกิจกรรม ตามปกติได้ทันที

7.เพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง

8.มีผลข้างเคียงน้อย

3 ตำแหน่งต้องห้าม! ที่ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์”

1.หางคิ้วด้านนอก : เพราะว่าในบริเวณนี้จะมีเส้นประสาทที่ทำหน้าที่ในการยักคิ้ว ในกรณีที่เราฉีดเข้าไป จะทำให้การส่วนนั้นถูกใช้งานได้น้อยลง ผลที่ตามมาก็คือ จะทำให้หางคิ้วหล่น ซึ่งจะทำให้เราดูหน้าเศร้าตลอดเวลา

2.บริเวณเปลือกตา : จะมีเส้นประสาทในส่วนของการกระพริบตา ซึ่ง บอกเลยว่าอันตรายมาก เพราะอาจจะทำให้ ตาตก จำเอาไว้เลยว่า จุดนี้ เป็นจุดที่ควรระวังมากที่สุด ฉีด botox ทั้งที จะฉีดทำไมให้ตาปิดละ จริงไหม ?

3.มุมปาก ร่องแก้ม : จุดๆนี้ จะมีกล้ามเนื้อที่ใช้ในการยิ้ม ยิ้มส่วนบนคือร่องแก้ม ยิ้มอีกส่วนหนึ่ง คือมุมปาก ในกรณีที่ฉีดไป จะมีโอกาสทำให้ปากตก ทำให้หน้าของเราบึ้ง ตลอดเวลา

หรือถ้ายังไม่รู้ว่าจะไป ฉีดโบท็อก ที่ไหนดี ลองอ่านข้อมูลการฉีดbotox ฉบับเต็มก่อน

การเตรียมตัวก่อนการฉีดโบท็อกซ์

ต้องตรวจเช็คร่างกายตนเองก่อนว่าคุณมีความพร้อมที่จะเข้ารับการ ฉีดโบท็อกซ์ แค่ไหน เช่น  ตัวคุณนั้นต้องไม่มีโรคประจำตัว ถ้ามีต้องปรึกษาแพทย์ก่อนว่าเป็นโรคนี้จะฉีดได้ไหม และถ้าตั้งครรภ์อยู่ก็ไม่ควรฉีดเด็ดขาดเลย 

และที่สำคัญคุณควรจะหยุดทานอาหารเสริมประเภทวิตามินอี น้ำมันปลา โสม หรือสมุนไพรที่ทำให้ร่างกายร้อนประมาณ 2-3 วันก่อนฉีด และอย่าลืม และห้ามกินยาแก้อักเสบหรือแอสไพรินก่อนการฉีดยา 1 อาทิตย์

โบท็อกซ์ ฉีดได้บริเวณไหนบ้างและจะดูแลรักษาได้อย่างไร

เราสามารถ ฉีดโบท็อกซ์ ได้ทั้งกล้ามเนื้อมัดใหญ่ และกล้ามเนื้อมัดเล็ก  ซึ่งก็มีข้อปฏิบัติที่แตกต่างกัน  กล้ามเนื้อมัดใหญ่นั้นได้แก่ กล้ามเนื้อกราม และน่อง  โดยหลังการฉีด 2 วัน งดดื่มแอลกอฮอล์เด็ดขาด จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ทำให้โบท็อกซ์ที่ฉีดไปย่อยสลาย

หลังจากฉีดอาจเกิดรอยแดง หรือบวมในจุดที่ฉีดแต่จะหายไปเอง ภายใน 1 วัน  และหากคุณนั้นทานวิตามินอี หรือแอสไพริน น้ำมันปลา ฯลฯ อาจทำให้เกิดรอยช้ำได้ แต่ว่าจะหายไปภายใน 1 สัปดาห์

กล้ามเนื้อมัดเล็ก คือ บริเวณหน้าผาก หางตา และระหว่างคิ้ว ตัวยาจะออกฤทธิ์ใน 1 อาทิตย์ หลังจากฉีดแล้ว 4 ชั่วโมง ยังไม่ควรนอนราบหรือนอนตะแคง เพราะว่า การกระจายตัวของยาอาจผิดตำแหน่งจากที่แพทย์คาดไว้ และต้องคอยบริหารกล้ามเนื้อที่ฉีดบ่อยๆด้วย เช่น ถ้าฉีดกรามก็ควรเคี้ยวหมากฝรั่งบ้าง ซึ่งก็แล้วแต่แพทย์ว่าจะให้เคี้ยวนานเท่าไร

ในสองอาทิตย์ ไม่ควรอบไอน้ำ อบซาวน้ำ หรือทำไออนโต เพราะจะส่งผลต่อสารโบท็อกซ์ได้ แต่ว่ายังสามารถอาบน้ำอุ่น ไดร์ผม โดนแดดที่ไม่จัดได้ และหลังจากทำ 1 อาทิตย์ก็สามารถแต่งหน้า ทาแป้งได้ตามปกติ

ฉีดโบท็อกซ์ต้องฉีดซ้ำไหม อยู่ได้นานเท่าไร

โดยทั่วไปผลของการฉีดจะอยู่ได้นานประมาณ 3 – 8 เดือน ทั้งนี้ขึ้นกับว่าฉีดรักษาอาการอะไร ฉีดบริเวณใด ฉีดเป็นครั้งแรกหรือเป็นการฉีดซ้ำ เพราะการฉีดสารประเภทนี้ส่วนใหญ่แล้ว คนจะติดใจ คือฉีดแล้วรู้สึกว่ามั่นใจขึ้น สาวขึ้น สวยขึ้น ก็เลยต้องฉีดซ้ำเรื่อยๆ

ฉีดโบท็อก อันตรายไหม

สมัยนี้การฉีดโบท็อก ถือว่าเป็นการสุ่มเสี่ยงเช่นเดียวกัน เพราะปัจจุบันนี้ มีคลินิกเปิดมาให้บริการกันอย่างแพร่หลาย มีทั้งคลินิกดี และ คลินิกที่ไม่มีมารตฐาน

รืออ่านข้อมูลเพิ่มเติม : [ ฉีดโบท็อก อันตรายไหม ? ] อยากสวยแต่กลัวเสี่ยง ควรพิจารณาอะไรบ้างก่อนทำ

ค่าใช้จ่ายในการฉีดโบท็อกซ์

ความจริงแล้วค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่หลักหมื่นขึ้นไป ขึ้นอยู่กับตัวยา และผลลัพธ์ที่การฉีดโบท็อกซ์นั้น สามารถฉีดได้ตามสถาบันเสริมความงาม เพราะฉะนั้นเพื่อเป็นการดึงดูดลูกค้า จะมีการทำโปรโมชั่นลดราคา ซึ่งจะเหลืออยู่ที่หลักพันเท่านั้นเอง ก็แล้วแต่ว่า คุณนั้นจะเลือกทำกับสถาบันเสริมความงามที่ไหนก็ได้ แต่ว่าต้องเลือกที่มีคุณภาพมาตรฐาน ทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

โบท็อกซ์แท้ ดูยังไง

1. ความเข้มเข้นของสาร หากเข้มข้นน้อย แน่นอนคือเห็นผลน้อย แต่ใช่ว่าเข้มข้นมากจะดี เพราะหากเข้มข้นสูงอาจเกิดการช็อค หรือบางรายเมื่อร่างกายอาจรับความเข้มข้นที่เกินมาตรฐานนั้นได้ หลังจากนี้หากไปฉีดยี่ห้อที่มีความเข้มข้นน้อยกว่า ก็จะไม่เห็นผล เหมือนกินยาแก้ปวด 2 เม็ดมาตลอด (ซึ่งคำแนะนำคือ 1 เม็ด 500 ml) วันหนึ่งจะมากินยา 1 เม็ด มันจะไม่หาย หรือหายช้า

2. การแพ้ สารที่ได้มาตรฐาน ผ่าน อย. จะมีการกำหนดไว้ว่า มีการทดสอบแล้วในคน 100 คน แพ้กี่คน เป็นต้น ซึ่งแน่นอนว่า โบท็อกซ์ปลอมไม่มีข้อมูลนี้ โชคร้ายอาจมาตกที่เราเป็นคนแพ้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ แรงหน่อยอาจช็อคได้ แบบเบาๆ ร่างกายสร้างสารต่อต้านจนฉีดโบท็อกซ์เท่าไรก็ทำอะไรไม่ได้ ที่เขาเรียก ดื้อยา ผลก็คือ ไม่สามารถใช้โบท็อกซ์ได้อีกตลอดชีวิต

3. มาตรฐานโมเลกุล พูดรวมๆก็จะมีเรื่อง ความเข้มข้นของโมเลกุล และสิ่งเจือปน ขอยกตัวอย่าง เรื่องการกระจายตัวของสาร เช่น กล้ามเนื้อแต่ละมัดบนหน้าซับซ้อนมาก เราแยกแบบง่ายๆเป็น มัดที่ดึงขึ้น กับดึงลง หากต้องการจะยกคิ้ว ก็จะฉีดลงไปคลายกล้ามเนื้อมัดที่ดึงลง ปล่อยให้กล้ามเนื้อมัดที่ดึงขึ้นทำงานไป คิ้วก็จะค่อยๆยกขึ้น

โบท็อกซ์มาตรฐาน มีความเข้มข้นของโมเลกุลที่เท่ากัน การกระจายตัวก็เท่ากัน เหมือนหยดสีลงกระดาษ สีก็กระจายออกไปเท่าๆกันในทุกๆการหยด แต่!! หากโบท็อกซ์ที่ไม่มาตรฐาน โมเลกุลไม่เท่ากัน เกิดการกระจายตัวมากกว่าปกติ จะฉีดกล้ามเนื้อมัด A คลายการทำงานมัดที่กำลังดึงลง ดันไปกระทบมัดที่กำลังดึงขึ้น คิ้วที่จะยก ก็กลับตกลง เป็นต้น

ฉีดโบท็อกที่ไหนดี

โบท็อก ที่ไหนดี การ ฉีดโบท็อกซ์, ยกกระชับหน้า, ร้อยไหม ไม่ว่าอะไรก็ตามที่นำสารเข้าร่างกาย ควรพิจารณาถึงผลกระทบทั้งผลดีและผลเสีย ที่สำคัญต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเป็นคนปฏิบัติการ ควรใช้บริการฉีดโบท็อกที่มีมาตรฐาน เช่น โรงพยาบาล และ สถานพยาบาลชั้นนำ เช่น Vsquare clinic จากรีวิวต่างของผู้ที่เคยใช้บริการได้ผลตอบรับที่ดี ทำให้สามารถไว้วางใจในเรื่องของความปลอดภัย และยังมีค่าบริการที่ถูก เพราะฉะนั้นหากอยากลองเสริมความงามโดยการฉีดโบท็อกซ์ ขอแนะนำให้พิจารณา Vsquare clinic เป็นอันดับต้นๆ

https://www.vsquareclinic.com/tips/what-is-botox/

,