ฟิลเลอร์คาง
ฟิลเลอร์คาง คือ การฉีดสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid (HA) ที่มีคุณสมบัติช่วยเติมเต็มหรือเสริมในชั้นผิวหนังและใต้ผิวหนัง ปรับรูปหน้าดูเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับการฉีดคาง เพื่อเสริมคางให้ยาวขึ้น หน้าเรียวขึ้น โดยฟิลเลอร์คางสามารถแก้ปัญหาคางสั้น คางตัด คางบุ๋ม คางเบี้ยว คางไม่เท่ากัน ได้โดยไม่ต้องผ่าตัด จึงเป็นทางเลือกในการเสริมความงามที่ไม่เจ็บตัว และได้รับความนิยมสำหรับคนที่อยากมีรูปหน้าเรียว วีเชฟ แต่ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์คาง ควรรู้จะต้องเตรียมตัวอย่างไร ควรรู้อะไรบ้าง เพื่อความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่ดี ติดตามได้ในบทความนี้
1.รู้ปัญหาและความต้องการก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง
ควรรู้ปัญหาและความต้องการของตนเองมาก่อนในเบื้องต้น เช่น
- มีปัญหาคางสั้น คางตัด คางบุ๋ม หน้ากลม ต้องการปรับรูปหน้า เสริมคางให้ยาวขึ้น หน้าเรียววีเชฟมากขึ้น
- มีปัญหาคางไม่เท่ากัน ทำให้หน้าดูเบี้ยว ไม่ได้สัดส่วน ต้องการปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วน สมบูรณ์แบบมากขึ้น
- ต้องการปรับโหงวเฮ้งคางตามลักษณะคางที่ดี คางกลมมน หนุนเสริมวาสนาดี มั่งมีทรัพย์ สติปัญญาสูง
2.รู้วิธีเสริมคางยาว ปรับรูปหน้าเรียว
หลังจากรู้ปัญหาและความต้องการแล้ว ต่อไปเป็นวิธีการเสริมคางให้ยาวขึ้น ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น ซึ่งที่คนส่วนใหญ่จะนึกถึงก็คือ การผ่าตัดเสริมคาง และการฉีดฟิลเลอร์คาง ซึ่งทั้ง 2 วิธีมีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกัน
การฉีดฟิลเลอร์คางได้รับความนิยมเพิ่มมากชึ้นในปัจจุบัน เพราะนอกจากจะได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติแล้ว ยังสะดวกและปลอดภัย ฟิลเลอร์สลายได้ ไม่ตกค้างในร่างกาย เติมใหม่ได้เรื่อย ๆ เหมาะกับคนที่กลัวเจ็บ ไม่อยากผ่าตัด ไม่อยากเสียเวลาพักฟื้น การเสริมคางด้วยฟิลเลอร์จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสม
แต่ทั้งนี้ การฉีดฟิลเลอร์เสริมคางก็มีข้อจำกัด คือ สามารถเสริมคางยาวจากเดิมได้ไม่เกิน 1 ซม. เพราะต้องคำนึงถึงความสวยงามและดูเป็นธรรมชาติด้วย ซึ่งถ้าหากคางสั้นมาก ๆ ก็อาจจะต้องใช้วิธีผ่าตัดเสริมคางด้วยซิลิโคนแทน
3.รู้ข้อมูลยี่ห้อฟิลเลอร์คาง
ปัจจุบันฟิลเลอร์คางที่ใช้มีอยู่ด้วยกันหลายยี่ห้อ ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่แพทย์เลือกใช้ จะต้องมีความคงตัวสูง เนื้อแน่น ไม่ฟู เพื่อให้ปั้นเป็นทรงได้ด้วย โดยหลัก ๆ มีอยู่ด้วยกัน 3 ยี่ห้อ คือ
- ฟิลเลอร์ Perfectha subskin (ฝรั่งเศส)
- ฟิลเลอร์ Restylane perlane lyft (สวีเดน)
- ฟิลเลอร์ Juvederm voluma (อเมริกา)
นอกจากเรื่องของยี่ห้อฟิลเลอร์คางที่เลือกให้เหมาะสมกับการปัญหาแล้ว สิ่งสำคัญที่ต้องศึกษาคือ ฟิลเลอร์แท้ ฟิลเลอร์ปลอม ดูอย่างไร? เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายหรือผลข้างเคียงในภายหลัง
ฟิลเลอร์ ที่ไม่ได้มาตรฐาน เช่น ฟิลเลอร์ปลอม หรือ ฟิลเลอร์หิ้ว เป็นฟิลเลอร์ที่ไม่ผ่านการรับรองจากอย. มีราคาถูก พบได้ตามคลินิกเถื่อน หมอกระเป๋า ที่ลักลอบขายผิดกฎหมาย ฉีดแล้วอาจเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย ได้ไม่คุ้มเสีย ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่สวยงาม ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย. และฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น
ตรวจสอบยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองจาก อย. คลิกที่นี่
4.รู้ว่าคลินิกไหนได้มาตรฐาน /ไม่ได้มาตรฐาน
ปัจจุบันมีคลินิกเสริมความงามเปิดให้บริการจำนวนมาก แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าคลินิกนั้นได้มาตรฐาน สามารถตรวจสอบได้ ดังนี้
1.คลินิกมีใบอนุญาตประกอบการจากกระทรวงสาธารณสุข
2.แสดงใบอนุญาตให้ประกอบกิจการ ติดไว้ในที่เปิดเผยและเห็นได้ง่าย
3.ด้านหน้าคลินิกมีแผ่นป้ายขนาดใหญ่แสดงข้อมูลเหล่านี้ครบถ้วน
- ชื่อคลินิก
- ประเภทและลักษณะการให้บริการ
- เลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก
4.คลินิกมีหลายสาขาพร้อมให้บริการ อยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก สังเกตง่าย ใกล้ห้าง มีที่จอดรถรองรับ
5.คลินิกสะอาด กว้างขวาง บรรยากาศดี มีพื้นที่รับรอง
คลินิกเสริมความงามที่ได้มาตรฐาน จะรวมทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ ผ่านการรับรองจากแพทยสภาพ ตรวจสอบรายชื่อแพทย์ คลิกที่นี่
แพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์คางจะรู้เทคนิคการฉีด ซึ่งต้องใช้เทคนิคนิคเดียวกับการผ่าตัด แต่ต่างตรงที่ไม่ได้เป็นการใช้มีดผ่าตัด
วิธีการคือ แพทย์จะฉีดฟิลเลอร์เข้าไปที่บริเวณคาง ลงไปชั้นใต้เยื่อหุ้มกระดูก เป็นการเสริมคางที่ลึกลงไปที่กระดูก ไม่ใช่เสริมที่เนื้อคาง ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดปัญหาคางเสียรูป เป็นก้อน หรือไม่เป็นธรรมชาติ
ฟิลเลอร์คาง หน้าเรียว
หลังฉีดฟิลเลอร์คาง หน้าเรียว
รีวิวฉีดฟิลเลอร์คาง
5.รู้วิธีการแก้ปัญหาที่ตรงจุด ปรึกษาหมอก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง
สำหรับใครที่ฉีดฟิลเลอร์คางครั้งแรก การข้อมูลมาบ้างในเบื้องต้นเป็นสิ่งจำเป็น และสามารถขอคำปรึกษาจากแพทย์เพิ่มเติมในในประเด็นที่สงสัย
ก่อนฉีดฟิลเลอร์คางแพทย์จะต้องวิเคราะห์โครงสร้างใบหน้าก่อน เพื่อแนะนำวิธีแก้ปัญหาอย่างตรงจุด โดยคำนึงถึงความปลอดภัย ได้ผลลัพธ์ดี ตรงตามความต้องการ สวยงามและดูเป็นธรรมชาติ
นอกจากการฉีดฟิลเลอร์คาง ยังมีวิธีปรับรูปหน้าให้เรียวสวย เป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องผ่าตัด อีกหลายวิธี เช่น โบท็อกลดกราม ร้อยไหม Hifu และเมโสแฟต ซึ่งแพทย์อาจแนะนำใหัทำ 1-2 หัตถการร่วมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
6.รู้ขั้นตอนฉีดฟิลเลอร์คาง
แพทย์จะใช้เวลาประมาณ 10-30 นาที ขณะทำการฉีด อาจจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อยตอนฉีดยาชา และในตัวฟิลเลอร์บางรุ่นจะมีการผสมยาชาไว้อยู่แล้ว ส่วนใครที่กลัวเจ็บมาก ๆ ก็สามารถให้หมอแปะยาชาก่อนฉีดได้ รวมไปถึงตอนฉีดก็จะมีการประคบน้ำแข็งเพื่อลดอาการเจ็บ จึงไม่ต้องกังวลว่าจะเจ็บจนทนไม่ไหว
เมื่อฉีดเสร็จแล้วแพทย์จะให้นอนพักสักครู่ เพื่อให้ฟิลเลอร์คางเซ็ตตัว ก่อนจัดรูปทรงให้เข้าที่ คนไข้จะสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีหลังฉีด และสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
7.รู้วิธีการดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์คาง
- 24 ชม. หลังฉีดฟิลเลอร์คาง จะมีอาการบวมเข็ม
- ประมาณ 4-5 วัน อาการบวมจะค่อย ๆ หายไป
- ประมาณ 14 วัน ฟิลเลอร์เข้าที่ เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ทุกจุด วิธีการดูแลตัวเองโดยทั่วไปจะคล้ายคลึงกัน เพื่อให้ฟิลเลอร์เข้าที่เร็วขึ้นและอยู่ได้นาน สำหรับฟิลเลอร์คาง มีการดูแลเพิ่มเติม ดังนี้
- ห้ามบีบ นวด กด ปั้นทรงคางเองโดยเด็ดขาด
- หลีกเลี่ยงการเท้าคาง
- หลีกเลี่ยงการใส่หมวกกันน็อคที่รัดแน่น ๆ
- หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ นอนตะแคง ป้องกันการกดทับบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์คาง
- งดอาหารและเครื่องดื่มที่ส่งผลต่อการอักเสบ บวมช้ำ
การฉีดฟิลเลอร์คาง เสริมคางยาว ปรับรูปหน้าเรียว อยู่ได้ 12-18 เดือน สำหรับคนที่มีปัญหาคางสั้น คางตัด คางบุ๋ม ต้องการปรับแก้รูปคางให้ยาวขึ้น ใช้ฟิลเลอร์เพียง 1 CC ก็สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 9,900 บาท