ผิวที่ดูอ่อนเยาว์ กระชับ เต่งตึง เป็นหนึ่งในความปรารถนาของใครหลายคน แต่อุปสรรคที่ทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ ผิวที่หย่อนคล้อยไปตามช่วงวัย ส่งผลให้เกิดปัญหาผิวตามมา เช่น ผิวขาดความกระชับไม่เต่งตึงเหมือนก่อน มีริ้วรอยรอบดวงตา ทำให้ดูมีอายุ ไม่สดใส 

ในบทความนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับเคล็ดลับหน้าเด็กที่ดารา เซเลบริตี้หลายคนนิยมใช้กัน นั่นก็คือ Ulthera นวัตกรรมยกกระชับผิวจากอเมริกา ใครที่กำลังตามหาวิธีที่จะช่วยย้อนอายุให้ผิว ไม่ควรพลาดค่ะ

ทำความรู้จักกับ Ulthera เครื่องมือยกกระชับผิวยอดนิยม

Ulthera คือ เครื่องมือยกกระชับผิวที่ใช้เทคโนโลยีการทำงานของคลื่นพลังงานอัลตราซาวด์ความถี่สูง (Focused Ultrasound) เปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนที่ 60 – 70°C ยิงลงสู่ผิวชั้นบน ชั้นไขมัน ไปจนถึงชั้นผิว SMAS (ชั้นเดียวกับที่ใช้ศัลยกรรมดึงหน้า) ในลักษณะจุดพลังงานความร้อนขนาด 1 mm. เรียงกันเป็นเส้นตรง 25 – 30 จุด

พลังงานความร้อนจะทำให้ชั้นผิวเกิดหดตัว และมีการกระตุ้นสร้างคอลลาเจนใหม่ ช่วยให้ผิวยกกระชับเต่งตึง ริ้วรอยเล็ก ๆ ตื้นขึ้น เรียกได้ว่าเป็นการแก้ไขปัญหาผิวที่ตรงจุด เห็นผลลัพธ์จริงแบบวัดผลได้ อีกทั้งยังช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคตได้อีกด้วยค่ะ

ปัจจุบันเครื่อง Ulthera รุ่นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก คือ Ulthera SPT หรืออาจรู้จักกันในชื่อ New Ulthera เป็นรุ่นที่มีการอัปเกรดเทคนิคใหม่ที่เรียกว่า SPT ที่ช่วยให้ผลลัพธ์แม่นยำ ตรงจุดมากขึ้น และเหมาะสมกับปัญหาของแต่ละคนมากที่สุด

SPT ย่อมาจาก See Plan Treat ซึ่งมีความหมายดังนี้ค่ะ

• S (See) – มองเห็นถึงทุกปัญหา

คุณหมอสามารถมองเห็นโครงสร้างชั้นผิวของแต่ละคนแบบหน้าจอแบบ Real-Time ด้วยเทคโนโลยี MFU-V

• P (Plan) – ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล

เมื่อคุณหมอเห็นถึงโครงสร้างชั้นผิวแล้ว ก็จะสามารถเห็นถึงปัญหาในชั้นผิวนั้น ๆ ทำให้สามารถออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล เนื่องจากแต่ละคนจะมีสภาพผิวและปัญหาที่แตกต่างกันออกไป

• T (Treat) – ผลลัพธ์การยกกระชับที่แม่นยำ

เนื่องจากคุณหมอได้ออกแบบการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหา ทำให้ได้ขั้นตอนการรักษาที่ดีที่สุดของแต่ละคน สามารถยิงพลังงานได้อย่างแม่นยำ ได้ผลลัพธ์การยกกระชับที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังสามารถหลีกเลี่ยงการยิงจุดที่จะทำให้รู้สึกเจ็บ ช่วยลดความเจ็บในระหว่างทำได้

ใครบ้างที่เหมาะกับการทำ Ulthera ?

• เหมาะกับผู้ที่ผิวมีความหย่อนคล้อยในระดับน้อย – ปานกลาง ไม่ว่าจะเป็นบนใบหน้า กรอบหน้า เหนียง เนินอก หรือผู้ที่มีความกังวลรู้สึกว่าผิวเริ่มมีความหย่อนคล้อย ไม่กระชับ
• เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการศัลยกรรมดึงหน้า ไม่มีเวลาพักฟื้น การทำอัลเทอร่าก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะสม เนื่องจากหลังทำสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้เลย ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น ไม่มีรอยแผลให้เห็น
• เหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงได้เลย และเห็นผลได้ยาวนาน ไม่ต้องกลับมาทำซ้ำบ่อย ๆ 

Ulthera ดีอย่างไร ? ช่วยอะไรบ้าง ?

Ulthera ได้รับรางวัล Gold Standard สำหรับนวัตกรรมยกกระชับผิว Non-Invasive Tightening & Lifting ไม่ใช่การผ่าตัด และไม่ก่อให้เกิดรอยแผลที่ผิวชั้นนอก ทำให้ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ และยังช่วยแก้ไขปัญหาผิวต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุม ดังนี้

• ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย บริเวณใบหน้า ลำคอ ท้องแขน หน้าท้อง ให้กระชับขึ้น
• ยกกระชับกรอบหน้าให้เห็นกรอบหน้าชัดขึ้น ปรับรูปหน้าเรียว
• กระชับผิวหย่อนคล้อยบริเวณใต้คาง ที่ทำให้เกิดเหนียงหรือคางสองชั้น
• ลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณรอบดวงตา
• ช่วยยกหางตา หางคิ้ว หนังตาตก
• ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ให้ผิวกลับมาเรียบเนียน เต่งตึง

การทำ Ulthera มีข้อเสียอะไรบ้างที่ควรรู้ ?

ข้อเสียของการทำ Ulthera คือระหว่างทำจะมีความรู้สึกเจ็บบ้าง รวมถึงหลังทำอาจเกิดผลข้างเคียง เช่น รอยแดง สามารถหายได้เองประมาณ 1 ชั่วโมงหลังทำ หรืออาการบวม ซึ่งจะหายไปได้เองภายใน 2 – 3 วัน ทั้งนี้บางคนอาจรู้สึกว่ามีอาการบวมใต้ผิว ผลข้างเคียงนี้ก็สามารถหายไปได้เองเช่นกันในระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์

Ulthera เจ็บไหม ? 

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นนะคะว่า หนึ่งในข้อเสียของการทำอัลเทอร่าก็คือ ขณะที่ทำจะรู้สึกเจ็บได้ เนื่องจากเป็นการยิงพลังงานความร้อนลงลึกถึงผิวชั้น SMAS เพื่อให้เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน โดยจะรู้สึกอุ่น ๆ ร้อน ๆ ได้ในบริเวณที่ยิง 

ทั้งนี้เชื่อว่าเป็นความเจ็บในระดับที่หลายคนสามารถทนได้ค่ะ รวมถึงก่อนการทำจะมีการแปะยาชาก่อน ช่วยลดความเจ็บระหว่างทำไปได้มาก

ถ้าหากใครรู้สึกเจ็บมาก ๆ สามารถบอกคุณหมอให้ปรับลดพลังงานได้ แต่ผลลัพธ์การยกกระชับที่ได้จะอยู่ได้ไม่นานเท่าที่ควร

ทำ Ulthera ใช้กี่ line ?

โดยส่วนมากการทำ Ulthera จะเริ่มต้นที่ 300 line และจะมีการปรับเพิ่มตามระดับปัญหาและบริเวณที่ต้องการยกกระชับ ซึ่งจำนวน Line ในแต่ละบริเวณจะเริ่มต้นที่ประมาณนี้ค่ะ

• ยกกระชับแก้ม ใช้ประมาณ 300 line
• ยกกระชับแก้มและเหนียง ใช้ประมาณ 500 line
• ยกกระชับทั่วหน้า ใช้ประมาณ 700 line
• ยกกระชับทั่วใบหน้าและลำคอ ใช้ประมาณ 1,000 line

ทั้งนี้ เนื่องจากปัญหาผิวและความต้องการของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน แนะนำให้ปรึกษาคุณหมอเพื่อประเมินถึงจำนวน Line ที่เหมาะสมของแต่ละคนค่ะ

Ulthera ต่างจากเครื่องมือยกกระชับผิวอื่นอย่างไร ?

ปัจจุบันมีเครื่องมือยกกระชับผิวเกิดขึ้นอย่างมากมาก ในที่นี้เราจะมาเปรียบเทียบข้อแตกต่างของเครื่อง Ulthera และอีกสองเครื่องยกกระชับผิวที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันอย่าง Hifu และ Thermage

หลักการทำงานของเครื่องมือยกกระชับผิวแต่ละเครื่อง

Ulthera VS Hifu

ระหว่าง Ulthera กับ Hifu มีความเหมือนกันในเรื่องของเทคโนโลยีที่ใช้ โดยทั้งสองใช้เทคโนโลยีเดียวกันก็คือ คลื่นเสียงอัลตราซาวด์แบบเฉพาะเจาะจง และสามารถยิงพลังงานความร้อนลงไปได้ถึงชั้นผิว SMAS เช่นเดียวกัน แต่จุดพลังงานของอัลเทอร่าจะมีขนาดใหญ่กว่า ทำให้ยกกระชับได้มากกว่าและอยู่ได้นานกว่าการทำ Hifu ทั้งนี้ระหว่างทำก็จะรู้สึกเจ็บได้มากกว่าค่ะ 

Ulthera VS Thermage

ในส่วนของ Ulthera และ Thermage ทั้งสองต่างก็สามารถยกกระชับผิวได้เช่นกันค่ะ แต่จะต่างกันในเรื่องของเทคโนโลยีที่ใช้และหลักการทำงานในการช่วยยกกระชับ 

Thermage จะใช้เป็นพลังงานคลื่นวิทยุแบบขั้วเดียว (Monopolar RF) และมีลักษณะการยิงพลังงานเป็นก้อนความร้อนลงลึกถึงชั้นไขมัน มีจุดเด่นในการช่วยสลายไขมัน และลดเซลลูไลท์ ต่างจาก Ulthera ที่จะส่งพลังงานความร้อนเรียงกันเป็นจุดไข่ปลาและยิงลงได้ลึกถึงชั้นผิว SMAS จึงมีความโดดเด่นในเรื่องการยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยมากกว่า 

ถ้าหากดูจากข้อแตกต่างของเครื่องมือยกกระชับผิวทั้ง 3 เครื่อง สามารถสรุปได้ว่า ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยร่วมกับมีไขมันเยอะจะเหมาะกับการทำเทอร์มาจ ส่วนผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย และมีไขมันน้อยจะเหมาะกับการทำ Ulthera และ Hifu มากกว่า 

ทั้งนี้ควรดูอีกว่าเราต้องการผลลัพธ์การยกกระชับที่มากแค่ไหน หรืออยู่ได้นานไหม หากต้องการได้ผลลัพธ์การยกกระชับที่อยู่ได้นาน ไม่ต้องกลับมาทำบ่อย ๆ การทำ Ulthera จะเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์มากกว่าค่ะ

ทำ Ulthera กี่ครั้งเห็นผล ? ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน ?

การทำ Ulthera แค่ครั้งเดียวก็สามารถเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงได้ทันทีประมาณ 30% ของผลลัพธ์ที่จะได้ และเมื่อร่างกายเริ่มมีการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ผิวก็จะยิ่งมีความยกกระชับขึ้นภายใน 1 – 2 เดือน โดยจะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างเต็มที่ 2 – 3 เดือนหลังทำ

รีวิวก่อน – หลังทำ Ulthera ยกกระชับผิวใบหน้าหย่อนคล้อย

รีวิวก่อน – หลังทำ Ulthera ยกกระชับผิวใต้คาง

ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานประมาณ 1 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตัวเองของแต่ละคน รวมถึงพลังงานที่ใช้ยิงก็มีส่วนด้วยค่ะ เพราะยิ่งใช้พลังงานสูงก็จะอยู่ได้นานกว่าการใช้พลังงานต่ำ ซึ่งจะมีความเจ็บมากกว่าแต่ก็จะอยู่ได้นานกว่า

Ulthera อันตรายไหม ?

นวัตกรรมยกกระชับผิวด้วยเครื่อง Ulthera ได้รับรองมาตรฐานจาก องค์กรอาหารและยาของประเทศอเมริกา (US FDA) รวมถึงในไทยก็ได้รับการรับรองจาก อย. เป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ การันตีได้ในเรื่องของคุณภาพ มีความปลอดภัยสูง

ทั้งนี้หากใช้เครื่องของปลอมที่สร้างขึ้นมาลอกเลียนแบบ ไม่ได้มาตรฐาน มีการส่งพลังงานไม่สม่ำเสมอ อาจทำให้เกิดอันตรายได้ เช่น ผิวไหม้ ปากเบี้ยว หน้าเปลี่ยนรูป เป็นต้น

ทำ Ulthera ที่ไหนดี ? มีวิธีเลือกคลินิกอย่างไรให้ ปลอดภัย ?

การเลือกใช้บริการคลินิกในการทำ Ulthera มีผลต่อผลลัพธ์ที่จะได้และความปลอดภัย ดังนั้นควรศึกษาข้อมูลให้ดีและเลือกคลินิกที่มีความเชื่อถือได้

1. คลินิกที่ได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลจากกระทรวงสาธารณสุข คลินิกมีความสะอาด ปลอดเชื้อ สภาพแวดล้อม ไม่แออัด เดินทางสะดวก
2. ให้บริการโดยคุณหมอที่มีประสบการณ์ในการใช้เครื่อง Ulthera ปรับรูปหน้า สามารถให้คำปรึกษาและประเมินแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
3. ใช้เครื่อง Ulthera ของแท้ที่นำเข้าโดยบริษัท Merz Aesthetic ซึ่งเป็นบริษัทที่นำเข้าเครื่องอัลเทอร่าอย่างถูกกฏหมายเพียงผู้เดียวในไทย โดยสามารถเช็กคลินิกที่ใช้เครื่องอัลเทอร่าของแท้ได้ผ่านทางเว็บไซต์ https://www.merzclubthailand.com/ หรือโทร 0-2229-9696 
4. มีรีวิวที่เห็นการเปลี่ยนแปลงจากผู้ใช้บริการจริง ยิ่งมีรีวิวมากยิ่งแสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือของคลินิกและประสบการณ์ของคุณหมอ 

สรุป Ulthera

การทำ Ulthera เป็นนวัตกรรมยกกระชับผิวที่ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น เห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และมีจุดเด่นในเรื่องการออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล ผ่านหน้าจอแสดงโครงสร้างชั้นผิว ทำให้ได้ขั้นตอนการรักษาที่มีความแม่นยำ และผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นค่ะ 

ทั้งนี้ควรตรวจสอบให้ดีก่อนว่าคลินิกที่ใช้บริการใช้เครื่องอัลเทอร่าของแท้ที่ได้มาตรฐาน และได้รับการรักษาโดยคุณหมอที่มีประสบการณ์ เพื่อผลลัพธ์ที่เห็นชัดเจนและความปลอดภัยค่ะ