ริ้วรอยใต้ตา รอยย่นใต้ตา
ริ้วรอยใต้ตา เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ความมั่นใจของเราลดน้อยลง เพราะเวลายิ้มทีไร เจ้ารอยย่นใต้ตาก็จะโผล่ออกมาประจานอายุเราได้ทุกทีไป ที่น่ารำคาญใจยิ่งกว่านั้นก็คือ แม้ว่าจะสรรหาครีมมาทามากมายหลายยี่ห้อแล้วก็ตาม แต่ริ้วรอยใต้ตาก็ยังไม่ยอมหายไปง่าย ๆ แล้วอะไรบ้างที่เป็นสาเหตุ และจะรักษายังไงดี วันนี้เรามาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
รอยย่นใต้ตา ริ้วรอยใต้ตา และรอบดวงตา เกิดมาจากสาเหตุอะไร?
ใครเคยสงสัยบ้างคะว่า เพื่อนเราอายุรุ่นราวคราวเดียวกันทำไมบางคนมีริ้วรอยรอบดวงตาชัดเจนมาก ในขณะที่บางคนไม่มีริ้วรอยใต้ตาเลย ทำให้ใบหน้าดูมีอายุแตกต่างกันอย่างชัดเจน ต้นเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอย รอยย่นใต้ตามีได้หลายปัจจัย ได้แก่
- ริ้วรอยใต้ตา จากอายุที่เพิ่มมากขึ้น
ริ้วรอยใต้ตา รอยตีนกา รอยเหี่ยวย่นใต้ตา ส่วนใหญ่แล้วมักเกิดกับคนที่มีอายุเยอะขึ้น เกิดการเสื่อมสภาพลงของอิลาสตินและคอลลาเจนเจน เมื่อเราหัวเราะ ร้องไห้ ยิ้ม หรือแสดงออกทางใบหน้าในอารมณ์ต่าง ๆ ริ้วรอยรอบดวงตาก็จะเกิดขึ้นได้ง่าย ควรรีบหาวิธีแก้ไข ไม่เช่นนั้นแล้ว ต่อไปริ้วรอยจะยิ่งลึกขึ้นเรื่อย ๆ
สาเหตุที่ริ้วรอยเหี่ยวย่นใต้ตาเกิดได้ง่าย เพราะผิวหนังรอบดวงตามีความละเอียด บอบบางกว่าผิวหนังบริเวณอื่น จึงส่งผลให้ริ้วรอยเกิดได้ง่ายกว่าผิวหนังบริเวณอื่นด้วยเช่นกัน
- การไม่ปกป้องผิวจากแสงแดด
รอยย่นใต้ตา และรอบดวงตาจะเกิดขึ้นได้หากเราไม่ทาครีมกันแดดเมื่อจำเป็นต้องออกแดด รังสี UVA ,UVB ในแสงแดดจะสัมผัสกับผิวของเรา และไปทำร้ายโครงสร้างของอีลาสตินและคอลลาเจนที่อยู่ในเซลล์ผิวให้เสื่อมสภาพลง และยังไปทำลายประสิทธิภาพการกักเก็บความชุ่มชื้นของสารไฮยารูลอนในชั้นผิวหนังอีกด้วย
- ริ้วรอยอันเกิดจากผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น
ใบหน้าของเรามีการขยับอยู่แทบจะตลอดเวลา หากเราปล่อยให้ผิวแห้งกร้าน ขาดการบำรุงด้วยการทาครีมที่เหมาะสมกับสภาพผิว ริ้วรอยใต้ตา รอยย่นใต้ตา ริ้วรอยรอบดวงตาและริ้วรอยบนใบหน้าจะค่อยๆ ปรากฏขึ้นเรื่อย ๆ จะกระทั่งสามารถมองเห็นริ้วรอยได้อย่างชัดเจน
- การปฏิบัติตัวที่ทำให้ริ้วรอยใต้ตามาเยือนได้ไวกว่าคนอื่น
ริ้วรอยใต้ตาในหลาย ๆ คนเกิดจากการละเลยหรือไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเอง นอนดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด ตรากตรำงานหนัก ทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เช่นอาหารไขมันสูง ไม่มีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างครบถ้วน การดื่มเหล้าสูบบุหรี่ ล้วนแต่เป็นตัวการที่ทำให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพเร็วยิ่งขึ้น
รอยย่นใต้ตา ริ้วรอยใต้ดวงตา มีวิธีรักษาได้อย่างไรบ้าง?
วิธีที่ 1.) ฉีดโบท็อก เพื่อลดริ้วรอยรอบดวงตา
ริ้วรอยใต้ตา รอบดวงตา จัดการได้ง่าย ๆ ด้วยการฉีดโบท็อก ทั้งรอยตีนกา รวมถึงรอยย่นเล็ก ๆ ใต้ตาที่เห็นได้ชัดเจนเวลายิ้ม กล้ามเนื้อใต้ตาเป็นจุดที่มีการขยับบ่อย ๆ ริ้วรอยจึงเกิดขึ้นได้ง่าย หากเราเลือกฉีด botox จะมีข้อดี คือ
- กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดจะคลายตัวลงเป็นการชั่วคราว ริ้วรอยบริเวณใต้ตาจะดูจางลง
- เห็นผลได้โดยไม่ต้องรอนาน เพียงแค่ภายใน 5-7 วันหลังฉีด
- ภายใน 2 สัปดาห์สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างเต็มที่
สำหรับสิ่งที่ควรระวังนั้น ได้แก่ หากฉีดโบท็อกมากเกินไป (หวังว่าจะลดริ้วรอยรอบดวงตาให้ได้เยอะๆ) ตาอาจจะแข็ง ขาดความเป็นธรรมชาติ เวลายิ้มแล้วหน้าดูแปลก ๆ แต่กรณีนี้ป้องกันได้ หากเราปรึกษากับแพทย์ให้ละเอียดรอบคอบก่อนตัดสินใจฉีด และเลือกทำกับแพทย์ที่มีความชำนาญ สามารถคำนวณปริมาณและเลือกยี่ห้อโบท็อกซ์ได้อย่างเหมาะสม
รีวิว ฉีดโบท็อก รอยตีนกา
วิธีที่ 2.) ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึกใต้ตา
ริ้วรอยใต้ตาในคนที่มีอายุเยอะ ส่วนใหญ่มักเกิดจากการยุบตัวลงของกระดูกตา เนื้อที่ค่อย ๆ น้อยลงไปตามวัยที่เพิ่มมากขึ้น ใต้ตาดูลึก ผิวหนังใต้ตาหย่อน ใบหน้าขาดความสดใส ดูอ่อนล้า เหนื่อย และดูโทรมลง
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะเป็นหัตถการที่ช่วยแก้ปัญหารอยย่นใต้ตาจากสาเหตุนี้ได้เป็นอย่างดี ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากที่สุด
- แก้ปัญหาใต้ตาเป็นร่องลึก ให้ดูเต็มขึ้น
- ช่วยลดริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณใต้ตาให้ดูจางลง
- ลดโอกาสที่จะเกิดริ้วรอยใหม่ที่ใต้ตาได้ เพราะการฉีดฟิลเลอร์ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและชุ่มชื้นให้กลับสู่ผิวหน้าใต้ตา
- ไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลไว ในบางคนอาจมีอาการบวมเข็ม แต่จะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 3 วัน และเข้าที่ภายใน 1-2 อาทิตย์หลังฉีด fillerใต้ตา
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีข้อควรระวังอะไรบ้างที่ควรรู้
ใต้ตาเป็นบริเวณที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการฉีดฟิลเลอร์มาก ถ้าฉีดกับหมอที่ขาดความชำนาญ แล้วฉีดพลาด filler เข้าไปอุดตันเส้นเลือดแดงที่เลี้ยงจอประสาทตา เสี่ยงที่จะตาบอดได้ค่ะ ข้อสำคัญที่ไม่ควรละเลยก็คือ เราจึงต้องเลือกทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญมากพอ ฉีดด้วยตัวยาฟิลเลอร์ของแท้เท่านั้น จึงจะมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยในการลดริ้วรอยใต้ตา
ขอบคุณข้อมูล: ฉีด Fillerใต้ตาครั้งแรก!ที่ V Square Clinic ลาแพนด้า + วิธีดูฟิลเลอร์ปลอม จาก Youtube Channel: Unfull Ice
วิธีที่ 3.) การทำ Hifu ใต้ตา
เราสามารถใช้ Hifu ในการช่วยลดริ้วรอยใต้ตาและรอบดวงตาได้อย่างปลอดภัย การทำไฮฟู่จะช่วยยกกระชับผิวบริเวณที่ทำ ด้วยการใช้คลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อลูกตา จึงเป็นหัตถการที่มีคนนิยมทำกับมากขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกวันนี้เนื่องจากมีข้อดีคือ
- เป็นการใช้คลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ที่มีความปลอดภัยสูง ยิงเข้าไปในชั้นใต้ผิวเพื่อให้เกิดการหดตัว และช่วยยกกระชับผิว
- ไม่ต้องใช้เข็มฉีด
- ไม่ต้องผ่าตัด
Hifu ใต้ตา สามารถใช้ เก็บรายละเอียดเพิ่มเติมได้ หลังจากที่เราฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะเห็นผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นหากทำควบคู่กับ
- ฉีดฟิลเลอร์ ด้วยเทคนิคที่ถูกต้องในชั้นเยื่อหุ้มกระดูก
- แพทย์มีความชำนาญในการยิง Hifu มั่นใจได้ว่าฟิลเลอร์ที่ฉีดใต้ตาไปจะไม่ละลายหลังทำไฮฟู่
วิธีที่ 4.) ฉีดเมโส หน้าใส เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
นอกจากการทำหัตถการอื่น ๆ ดังที่กล่าวไปข้างต้น เพื่อลดริ้วรอยใต้ตาแล้ว เราสามารถฉีดเมโสหน้าใส ควบคู่ไปกับหัตถการอื่นได้อีกด้วย เพื่อเพิ่มคอลลาเจน และเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว เมื่อผิวเราแข็งแรง ผลลัพธ์จากการทำหัตถการต่าง ๆ เพื่อลดรอยย่นใต้ตาก็จะมีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้นตามไปด้วยค่ะ
คอลลาเจน เป็นส่วนผสมหลักของเมโสหน้าใส และข้อดีของ Meso หน้าใส คือ
- ผิวมีความชุ่มชื้นมากขึ้น
- ชะลอการเกิดริ้วรอยใต้ตา และร่องลึกต่าง ๆ บนนใบหน้า เพราะผิวหนังมีความยืดหยุ่นมากขึ้นกว่าเดิม
- ช่วยให้ผิวอิ่มฟู
- รูขุมชนกระชับมากขึ้น
เป็นอย่างไรบ้างคะกับหลากหลายวิธีในการลดริ้วรอย รอยย่นใต้ตา หากใครยังไม่ทราบว่าจะลดริ้วรอยรอบดวงตาด้วยวิธีการไหนดี แนะนำให้ลองเข้าไปปรึกษาแพทย์ เพื่อวิเคราะห์สภาพผิวหน้าและช่วยแนะนำหัตถการที่เหมาะสมกับปัญหาใต้ตาของแต่ละคนมากที่สุดค่ะ