ฉีดโบท็อกหน้าเรียว ลดกราม ให้ใบหน้าได้สัดส่วน
โบท็อกหน้าเรียว คือ หัตถการที่เหมาะกับคนที่อยากลดขนาดกราม อยากปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนคล้ายวีเชพ (V-shape) การฉีดโบท็อกลดกรามเหมาะที่จะใช้ปรับรูปหน้าให้กับโครงหน้าคนไทยส่วนมาก ที่มักจะมีกล้ามเนื้อกรามใหญ่ คนที่กลัวการผ่าตัดจึงนิยมทำหน้าเรียวด้วยการฉีด botox กันมากในยุคนี้ เพราะไม่ต้องเจ็บตัวมาก ไม่มีบาดแผลและไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น
ก่อนที่จะตัดสินใจฉีดโบท็อกหน้าเรียว ลดกรามให้เล็กลง กับคลินิกที่ไหนดี เราควรศึกษาข้อมูลสำคัญ ๆ ที่เกี่ยวข้องให้เข้าใจในเบื้องต้นก่อน เพื่อจะวางแผนเข้ารับการรักษา และเลือกคลินิกได้อย่างมั่นใจในผลลัพธ์ที่คุ้มค่า ปลอดภัยมากที่สุด
เปรียบเทียบก่อน และหลังการฉีดโบท็อกลดกราม
คำถาม 1. : จริงหรือไม่ หลังฉีดโบท็อกลดกราม แล้วทำให้ยิ้มแข็ง ๆ ยิ้มไม่สุด?
ในคนที่พบปัญหาฉีดโบท็อกลดกราม หน้าเรียว แล้วเกิดอาการยิ้มไม่สุด ยิ้มแล้วดูหน้าแข็ง ๆ ขาดความเป็นธรรมชาติ ดูรู้ว่าไปฉีดโบท็อกมา เกิดจากตัวยาโบท็อกซ์แพร่ไปโดนเข้ากับกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ดึงมุมปากเวลาเรายิ้ม (ดังรูปที่ 1.) ที่มีชื่อว่า Risorius ส่วนปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้น ได้แก่
- ฉีดผิดตำแหน่ง แพทย์ที่มีประสบการณ์จะต้องพยายามระวังไม่ให้ฉีดไปโดนเข้ากับกล้ามเนื้อ Risorius ซึ่งการฉีดโบท็อกเข้าไปยังกล้ามเนื้อกราม จะมีจุดที่จำเป็นต้องฉีดใกล้กับกล้ามเนื้อนี้ ดังนั้น ความชำนาญของแพทย์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราควรพิจารณาให้มั่นใจก่อน
- ฉีดด้วยโบท็อกปลอม ไม่ได้มาตรฐาน การกระจายตัวจึงไม่สม่ำเสมอ การคาดคะเนระยะการแพร่กระจายของตัวยาจึงทำได้ยาก
- คนไข้มีกล้ามเนื้อ Risorius เกาะต่ำกว่าปกติ (ไม่เหมือนคนทั่วไป) ซึ่งพบได้ประมาณ 1-2% เท่านั้น (ดังรูปที่ 1.)
- ฉีดโบท็อกโดยใช้ยูนิตเยอะ เนื่องจากคนไข้มีกล้ามเนื้อกรามที่ใหญ่มาก ตัวยาจึงแพร่กระจายกว้าง ในเคสนี้ยังมีทางป้องกันได้ คือ ควรวางแผนแบ่งฉีด botox ออกเป็น 2 ครั้ง ในแต่ละครั้งฉีดห่างกันประมาณ 2-3 เดือน ไม่ควรฉีดให้ยุบหมดในครั้งเดียวหากคนไข้มีกล้ามเนื้อกรามใหญ่มาก
อาการยิ้มไม่สุดนี้ เป็นเพียงอาการชั่วคราว และภายใน 1-2 จะหายไปเองได้ หากต้องการให้อาการยิ้มแข็งหายเร็วขึ้น สามารถใช้การประคบร้อนที่บริเวณแก้ม รวมถึงการนวด RF (Radio Frequency) ได้ค่ะ
ในกรณีที่เกิดจากคนไข้มีกล้ามเนื้อ Risorius เกาะต่ำกว่าปกติ หรือคนไข้มีกล้ามเนื้อกรามใหญ่มากจึงใช้ยูนิตเยอะ นั้นเป็นเหตุสุดวิสัย อาจเกิดขึ้นเฉพาะในการฉีดโบท็อกหน้าเรียวในครั้งแรก ๆ แต่หมอจะระวังในการฉีดครั้งต่อไป โดยจะมีการบันทึกไว้ในประวัติคนไข้ค่ะ
รูปภาพด้านบนนี้ แสดงถึงกล้ามเนื้อมัดสำคัญ (กล้ามเนื้อชื่อ Risorius) ที่อาจส่งผลให้เกิดอาการ ยิ้มแข็ง ๆ ได้ในคนที่ ฉีดโบท็อกลดกราม ทั้งนี้ คนไข้แต่ละคนมีตำแหน่งของกล้ามเนื้อมัดนี้แตกต่างกันไป บางคน 2 ข้างอยู่สูงต่ำไม่เท่ากัน บางคนที่ Risorius อยู่ต่ำกว่าปกติ แม้ว่าคุณหมอจะพยายามหลีกเลี่ยงการฉีดโดนกล้ามเนื้อมัดนี้แล้ว แต่ก็มีโอกาสที่อาจฉีดไปโดนได้ ส่งผลให้เกิดอาการยิ้มไม่สุดหรือปากเบี้ยวค่ะ
คำถามที่ 2. : เราจะตรวจสอบโบท็อกอย่างไร ว่าเป็นโบท็อกปลอมหรือไม่?
- ควรศึกษาวิธีสังเกตตัวยาโบท็อกแท้ ก่อนเข้ารับการฉีดโบท็อก เพื่อจะสามารถตรวจสอบเบื้องต้นเองได้ว่าเป็น botox แท้หรือไม่
- หลายคนที่ฉีดโบท็อกหน้าเรียว ไม่ถึง 100 ยูนิต จะชวนเพื่อนมาหารเพื่อฉีดโบท็อกให้ครบปริมาณ 100 ยูนิต ทำแบบนี้ดีตรงที่มั่นใจได้ 100% เพราะเราจะได้เห็นขั้นตอนในการเปิดขวดใหม่ ทั้งนี้ สิ่งสำคัญของการฉีดโบท็อกลดกราม ไม่ว่าราคาจะแพงหรือถูกแค่ไหนก็ตาม ขณะที่กำลังจะฉีด เราต้องให้คุณหมอ แกะกล่อง เปิดขวดใหม่ทุกครั้งค่ะ
- สังเกตลักษณะของตัวยาโบท็อกในขวด โดยโบท็อกทุกยี่ห้อ ของแท้จะมาในรูปแบบผลึกสีขาว ลักษณะแห้ง ๆ และจะไม่มีน้ำที่ก้นขวด ตอนที่จะฉีดคุณหมอจะต้องใส่น้ำเกลือลงไปในขวด เพื่อละลายตัวยาออกมาใช้ในการฉีด เราควรแจ้งให้คุณหมอผสมตัวยาให้ดูต่อหน้า และหากใช้หมดขวด ก็จะได้ตัวยาปริมาณ 100 ยูนิตเต็ม ๆ มั่นใจได้ว่าไม่โดนโกงอย่างแน่นอน
- บางคลินิก อาจจะอ้างว่าไม่สามารถผสมตัวยาให้คนไข้ดู เพราะต้องการป้องกันสูตรยา หรืออ้างว่าต้องป้องกันการติดเชื้อในระหว่างการผสมโบท็อก เป็นช่องทางให้สามารถแอบผสมตัวยาปลอม โดยใส่มาในขวดโบท็อกแท้ได้
- ควรขอกล่องและขวดโบท็อก หลังฉีดเรียบร้อยแล้ว หรืออาจขอถ่ายรูปขวดและกล่อง เพื่อนำไปตรวจสอบต่อที่บ้านได้ จะได้มั่นใจมากยิ่งขึ้น
คำถามที่ 3. : จริงหรือไม่ ฉีดโบท็อกลดกราม กับใครก็ได้? บางคนกล้าฉีดหน้าเรียวกับพยาบาล หรือหมอกระเป๋า
หากใครที่ไม่ระวังตัว ไปฉีดโบท็อกลดกรามกับคนที่ไม่ใช่แพทย์ หรือไปเจอตัวยาโบท็อกปลอม มีความเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายมากค่ะ
- มีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเกิดอาการปากเบี้ยว ยิ้มไม่สุด หรือยิ้มแข็ง ซึ่งหากเลือกฉีดกับคุณหมอที่มีประสบการณ์สูง ความเสี่ยงเหล่านี้ก็จะมีน้อยมาก
- ฉีดเสร็จแล้ว แก้มส่วนหน้าห้อยลง เพราะถึงแม้กรามจะลด แต่แก้มจะดูตอบ
- เสี่ยงที่จะดื้อโบท็อกไปตลอดชีวิต เพราะการฉีดโบท็อกปลอม ยาหิ้ว แม้ในครั้งแรก ๆ อาจจะได้ผลดี แต่ในการฉีดครั้งถัด ๆ ไปจะเริ่มมีอาการดื้อยา เราจึงควรหลีกเลี่ยงการฉีดกับหมอกระเป๋า ซึ่งตัวยาที่ใช้ เป็นโบท็อกปลอม/ยาหิ้วทั้งสิ้น เนื่องจากตามกฎหมายบริษัทยาต้องขายยาให้แพทย์ที่มีใบอนุญาตเท่านั้นค่ะ
คำถามที่ 4. : จะรับปริญญาหรือไปงานแต่งงาน ในอีก 2 อาทิตย์ข้างหน้า ฉีดโบท็อกลดกราม จะเห็นผลทันไหม?
รีวิวโบท็อกลิฟกรอบหน้า Nefertiti lift
ภายใน 2 สัปดาห์หลังจากฉีดโบท็อกลดกราม หน้าเรียวไปแล้ว ก็จะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ว่า กรามยุบลง ประมาณ 10% ซึ่งใช้เวลา 2 เดือนกรามจะยุบเต็มที่
ดังนั้น คนที่ต้องรีบใช้หน้าออกงานต่าง ๆ สามารถเข้ารับการฉีดโบลดกรามได้ ไม่สายจนเกินไปค่ะ และถ้าอยากให้แนวกรามคมขึ้นก็สามารถทำหัตถการเพิ่มเติมอีกตัวหนึ่งคือ การฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า(Nefertiti lift)
คำถามที่ 5. : เพราะเหตุใด บางคนที่ฉีดโบท็อกลดกรามแล้ว เหนียงเยอะขึ้น?
ในคนไข้บางรายที่ฉีดโบท็อกลดกรามไปเพียงอย่างเดียว กรามยุบ แล้วหนังหย่อนลง จึงส่งผลให้หนังบริเวณคอดูเยอะขึ้น ในกรณีนี้หากจะให้ใบหน้าเข้ารูปสวย หนังตรงคอไม่หย่อน แพทย์จะแนะนำให้ฉีดโบท็อกลดกราม ร่วมกับการทำ โบท็อกลิฟกรอบหน้า
จะช่วยลดเหนียงได้ด้วยหากเป็นการฉีดโดยใช้เทคนิค Botox Nefertiti lift ส่วนในบางเคสที่แพทย์ตรวจดูแล้วพบว่า สาเหตุที่มีเหนียงด้านข้างมาก เพราะเป็นต่อมน้ำลาย แพทย์จะใช้โบท็อกช่วยจัดการปัญหานี้ได้ แต่จะมีข้อเสียตรงที่ทำให้คอแห้งกว่าที่เคย
ขอบคุณข้อมูล: รีวิว ฉีดโบท็อก Nefertiti lift แก้ปัญหาผิวไม่กระชับ คอหย่อนคล้อย จาก Youtube Channel: V Square Clinic
คำถามที่ 6.: การฉีดโบท็อกลดกรามหน้าเรียว ทำแล้วเห็นผลดีขึ้นมากแค่ไหน?
ตัวอย่างผลการปรับรูปหน้า โดยทีมแพทย์ V Square Clinic
ตัวอย่างรีวิว ผลการรักษาด้วย โบท็อกลดกราม หน้าเรียว
ตัวอย่างรีวิว ผลการรักษาด้วยโบท็อกลดกราม 100u
ตัวอย่างรีวิว ผลการรักษาด้วย โบท็อกลดกรามหน้าเรียว แฟตลดแก้ม
*ผลการรักษาแตกต่างกันแต่ละบุคคล
คำถามที่ 7.: เปรียบเทียบโบท็อกลดกรามของ อเมริกา VS เกาหลี ควรใช้แบบไหนดี?
โบท็อก อเมริกา ยี่ห้อ Allergan มีข้อดี คือ
- ความเสี่ยงที่จะเกิดการดื้อยามีน้อยลง เนื่องจากมีความบริสุทธิ์สูง
- มีความแม่นยำสูง เพราะการกระจายตัวยาแคบ
- หลังฉีดโบท็อกอเมริกาไปแล้วจะอยู่ได้นานกว่าโบท็อกเกาหลีประมาณ 10-20%
- หากจะเลือกโบท็อกตัวที่ดีที่สุดก็คือ โบท็อกของอเมริกา แต่ถ้าจะเปรียบเทียบในแง่ความคุ้มค่า โบท็อกเกาหลีจะราคาถูกกว่าโบท็อกอเมริกา 2 เท่า จึงคุ้มค่ามากกว่าค่ะ
คำถามที่ 8. : นอกจากการฉีดโบท็อกลดกรามแล้ว มีวิธีไหนอีกบ้างที่ช่วยทำให้หน้าเรียว?
- การฉีดโบท็อกลดกราม เหมาะกับคนที่กล้ามเนื้อกรามใหญ่ สังเกตได้จากตอนกัดกราม แล้วลองเอามือจับแก้ม จะพบว่ามีกล้ามเนื้อเด้งเยอะ
- คนที่มีปัญหาคางสั้น คางถอย หรือคางตัด ไม่ได้สัดส่วนกับใบหน้าโดยรวม เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์คาง ซึ่งสามารถเห็นผลได้ทันทีหลังทำ
- คนที่มีปัญหาแก้มหย่อน (บริเวณใกล้มุมปาก) เหมาะกับการร้อยไหมดึงแก้ม หรืออาจเลือกทำ HIFU ในเคสที่แก้มหย่อนไม่มากนัก
- การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หรือฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เหมาะกับคนที่มีปัญหาร่องลึก ซึ่งจะทำให้แก้มตก โหนกแก้มเด่น ไม่กระชับ และใบหน้าดูสั้น ไม่ได้สัดส่วนที่สวยงาม
หัตถการที่ช่วยในเรื่องปรับรูปหน้าให้เรียวสวย ได้สัดส่วนนั้น มิใช่มีแค่วิธีฉีดโบท็อกลดกรามเพียงอย่างเดียว ส่วนการเลือกทำหัตถการใดนั้น จำเป็นต้องประเมินจากปัญหาและสอบถามความต้องการของคนไข้ด้วยว่าจุดไหนบ้างที่อยากจะแก้ไขให้ดีขึ้นค่ะ